คำว่า brunch หรือ breakfast + lunch ถือกำเนิดครั้งแรกในปี 1895 ในนิตยสาร Hunter's weekly ของอังกฤษ ที่ให้ความเห็นว่า วันอาทิตย์น่ะไม่ควรตื่นเช้าเพราะวันเสาร์เราจะได้สนุกเต็มที่ งั้นมารวบสองมื้อเป็นมื้อสายๆเลยดีกว่า คนอังกฤษก็เลยเห็นด้วยว่าเข้าท่ามากๆ แล้วบรั้นช์ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
เพราะอีกนัยหนึ่งมันคือการกินเพื่ออวดความสุขใส่กัน ควรกินด้วยกัน กินเพื่อแสดงว่าคืนที่ผ่านมาฉันสนุกสุขสันต์แค่ไหน กินไปเม้าท์กันไป สนุกจริงๆนะคะ😀
เพราะวัฒนธรรมการกินอาหารเช้าของยุโรปถูกพัฒนามาจาก "ข้อห้าม" ค่ะ
ชาวยุโรปสมัยโบราณเชื่อว่าการกินมื้อเช้าเป็นเรื่องของเด็กและคนป่วย คนปกติกินนี่จะทำให้ร่างกายแปดเปื้อนซะงั้น😂
แต่ต่อมาสมัยควีนอลิซาเบธที่ 1 มีบันทึกไว้ว่าพระนางทรงเสวยอาหารเช้าพวกขนมปัง เบียร์ ไวน์🍷 เหล้าเอล สตูว์เนื้อหรือแกะ ทีนี้ถ้าราชินีมีมื้อเช้า ข้าราชสำนักก็ต้องตามพระราชนิยมแน่นอนค่ะ คนชั้นสูงสมัยนั้นก็เลยไม่สนข้อห้ามของหมอของบาทหลวงกันแล้ว ทำตามควีนดีกว่า🍞🍗
อาหารเช้าของอังกฤษก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆนะคะ จากเป็นมื้อที่ถูกเหยียดว่าเป็นเรื่องของเด็ก คนป่วย ชนชั้นแรงงาน กลายมาเป็นมื้อที่ต้องกินอวดความหรูหรากัน ถึงกับต้องสร้างห้องอาหารเช้าแยกกับห้องดินเนอร์ จากแค่สตูว์กับขนมปังก็เพิ่มความหลากหลายมากขึ้น มาพีคสุดก็ในยุควิคตอเรีย อาหารเช้ายกระดับเป็น English breakfast แบ่งเป็นสามคอร์ส ทั้งซีเรียล นม ไข่ ปลา แฮม ไส้กรอก เบคอน🥓ขนมปัง ชา กาแฟ เรียกว่ากินกันอย่างรื่นรมย์เชียวค่ะ
เขียนๆไปแล้วชักหิว😄งั้นเราลุกจากเตียงไปกินบรั้นช์เพื่อสาดความสุขใส่กันดีกว่าค่ะ🥐🍳🥫
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก The momentum
Comments