top of page
maxisbnf

เจ้าชายหลุยส์ เม้าน์แบตแทน กับ แอชวิน่า แอชลีย์

จากโพสต์ รักแรกฝังใจไม่รู้ลืม อันเป็นโศกนาฏกรรมความรักของเอิร์ลเมาน์แบตแทนและแกรนด์ดัชเชส มาเรีย โรมานอฟ ทำเอาหลายท่านอยากรู้ว่า ที่สุดแล้วท่านเอิร์ลลงเอยแต่งงานกับใคร มาค่ะ จะเขียนต่อ ขอเกริ่นนำไว้หน่อยว่า ภรรยาของท่านเอิร์ลมีชีวิตสุดเปรี้ยว หัวก้าวหน้า เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่สาวจนถึงตอนจากลา เหมาะกับการนำไปสร้างเป็นซีรีส์มากๆ

5 ปี หลังการปฎิวัติบอลเชวิกล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย เจ้าชายหลุยส์ เม้าน์แบตแทน หรือ ดิ๊กกี้ ได้สมรสกับเลดี้ แอชวิน่า แอชลีย์ หลานปู่และทายาทของเซอร์เออร์เนส แอชลีย์ นักการเงินเชื้อสายเยอรมัน - ยิว ผู้มั่งคั่ง เป็นสหายสนิทของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพ่อทูนหัวของเลดี้เอ็ดวิน่าอีกด้วย

งานสมรสครั้งนั้นเป็นงานใหญ่ที่บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง เซเลบไฮโซทั่วฟ้าบริเตนพากันไปร่วมงาน เพราะฝ่ายชายเป็นพระญาติทั้งของควีนอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิปป์พระสวามี ฝ่ายหญิงเป็นทายาทอภิมหาเศรษฐี เบื้องหน้าก็ชื่นชมกันว่าเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก ลับหลังก็มีเสียงนินทาว่าเจ้าชายหลุยส์จีบเลดี้แอชวิน่าเพราะเธอรวยล้นฟ้า ตกถังข้าวสารสบายไปทั้งชาติ เพราะถึงแม้จะมีศักดิ์เป็นเจ้าชายแต่ไม่ใช่ลูกคนโตที่มีหน้าที่สืบทอดตระกูล เป็นเพียงลูกคนรองๆ ที่มักต้องไปเป็นทหารหรือบาทหลวง ประเด็นนี้ถึงกับมีคนไปเตือนพ่อของเลดี้แอชวิน่าให้ระวังเจ้าชายหนุ่มหล่อที่มาจีบลูกสาว แต่เอาเป็นว่าที่สุดทั้งคู่ก็แต่งงานกันนั่นแหละค่ะ

หลังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไม่นาน ทั้งคู่ก็พบว่าไม่ได้มีอะไรที่ชอบเหมือนกันเลย เลดี้แอชวิน่าเป็นสาวหัวก้าวหน้าที่ต้องติดอยู่กับขนบเดิมๆอันแสนน่าเบื่อ ส่วนเจ้าชายหลุยส์ก็หายใจเข้าออกเป็นกองทัพเรือ ครั้นจะหย่าก็ดูไม่เหมาะ อีกอย่างก็เกี่ยวกับทรัพย์สมบัติของเลดี้แอชวิน่าด้วย ถ้าหย่าก็จบเห่ เจ้าชายก็น่าจะดำรงยศได้ไม่สง่านัก ดังนั้นทั้งคู่จึงยังอยู่ด้วยกันแบบต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง เจ้าชายหลุยส์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับภารกิจของกองทัพเรือ ฝ่ายเลดี้แอชวิน่าก็ชอบท่องเที่ยว ออกงานสังคม ถึงแม้จะมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน แต่ทั้งคู่ก็ต่างมีชู้รัก ว่ากันว่าชู้รักของแต่ละฝ่ายมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เป็นเรื่องซุบซิบในวงสังคมชั้นสูงสมัยนั้น

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าชายหลุยส์ได้รับหน้าที่ควบคุมดูแลอาณานิคมโพ้นทะเลของอังกฤษ นั่นก็คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดียรวมถึงได้รับพระราชทานศักดิ์เป็นเอิร์ลแห่งพม่า เลดี้แอชวิน่าในฐานะภรรยาของอุปราชแห่งอินเดียและเคาน์เตสแห่งพม่าก็ได้ติดตามสามีไปปฎิบัติหน้าที่ในดินแดนโพ้นทะเล เป็นช่วงชีวิตที่เธอรู้สึกมีคุณค่า ได้ทำงานที่เธอชอบ ไม่ใช่มีหน้าที่แค่เมียและแม่ เธอทุ่มเททำงานสาธารณกุศลอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่วายมีข่าวลือว่าแอบปิ๊งรักกับท่านชวาหะราล เนห์รู รัฐบุรุษของอินเดีย ซึ่งบุตรสาวคนหนึ่งของเลดี้ก็ออกมายอมรับว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกแต่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น

เลดี้แอชวิน่าเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2503

ขณะอายุได้ 58 ปี ในโคตา คินาบาลู ประเทศมาเลเซียโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหน้านี้ เธอเคยสั่งเสียผู้ใกล้ชิดว่า หากเธอเสียชีวิตขอให้ทำพิธีฝังศพในทะเล ซึ่งคำขอนี้สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนเพราะเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ เธอก็ไม่ได้แสดงความผูกพัน โปรดปรานทะเลเป็นพิเศษแต่อย่างใด

พิธีศพของเธอจัดขึ้นที่วิหารรอมซี่ ก่อนที่โลงศพที่คลุมด้วยธงยูเนี่ยน แจ้คจะถูกนำไปลงเรือรบหลวงที่พอร์ตสมัธ ผู้ที่ลงเรือไปด้วยก็คืออาร์คบิชอปแห่งแคนเทอเบอรี่ เจ้าชายฟิลลิปป์ ท่านเอิร์ลเม้าท์แบตแทนผู้เป็นสามี บุตรสาวทั้งสองและบุตรเขย มีบันทึกว่าโลงของเธอถูกหย่อนลงสู่ท้องทะเลเมื่อเวลา 14.28 น. โดยท่านเอิร์ลได้จุมพิตพวงหรีดดอกไม้ขาวก่อนหย่อนตามลงไป และมีนายกรัฐมนตรีอินเดียในฐานะตัวแทนของท่านเนห์รูซึ่งเป็นเพื่อนรักของเลดี้แอชวิน่าหย่อนพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองเพื่อไว้อาลัยให้แก่ภรรยาของอุปราชคนสุดท้ายของอินเดีย

หลังจากที่เลดี้แอชวิน่าเสียชีวิต เอิร์ลเม้าน์แบทแทนก็ไม่ได้สมรสใหม่ จวบจนท่านเสียชีวิตในปี ค.ศ 1979 จากการถูกลอบสังหารโดยขบวนการ IRA ระหว่างที่ล่องเรือตกปลากับครอบครัวที่นอกชายฝั่งไอร์แลนด์

เป็นบทสรุปและเป็นคำตอบให้ผู้อ่านหลายท่านที่สงสัยว่าชีวิตรักของท่านเอิร์ลลงเอยกับใคร อย่างไรนะคะ


Cr.

Death of edwina mountbatten


THE LIFE AND LOVES OF LADY EDWINA MOUNTBATTEN

0 views0 comments

コメント


bottom of page